รู้ไว้ไม่เสียหลาย ป้องกันอันตรายในโรงงานอุตสาหกรรม

รู้ไว้ไม่เสียหลาย… ป้องกันอันตรายในโรงงานอุตสาหกรรม

ลักษณะการทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับเครื่องมือ เครื่องจักรขนาดใหญ่ ตลอดจนมีผู้ร่วมปฏิบัติงานเป็นจำนวนมากในโรงงานอุตสาหกรรม เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและความเจ็บป่วยหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ ดังนี้

การติดตั้งเซฟการ์ดให้เครื่องจักร

การป้องกันอันตรายจากการทำงานกับเครื่องจักร คือ การติดตั้งเซฟการ์ด (Safeguard) เช่น รั้วกั้น ที่ปิดล้อม ที่ปิดครอบเครื่องจักรแต่ละประเภท เพื่อแยกส่วนที่อันตรายให้อยู่ต่างหาก ซึ่งเป็นการช่วยควบคุมอันตรายจากต้นเหตุ โดยเครื่องจักรที่ต้องการเซฟการ์ด ได้แก่

  1. เครื่องส่งถ่ายกำลัง ได้แก่ เพลา สายพาน กระเดื่อง โซ่ พูลเลย์ เกียร์ อันตรายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มาจากการชน กระแทก หนีบ หรือถูกดึงเข้าไป
  2. เครื่องจักรซ่อมบำรุง ได้แก่ เครื่องกลึงเครื่องกัด เครื่องไส เครื่องเจีย เครื่องเจาะ ที่มักเกิดอุบัติเหตุกับนิ้วมือ มือ แขน เท้า ใบหน้า ศรีษะ ลำตัว ผิวหนัง และมักเกิดกับผู้ปฏิบัติงานกับเครื่องจักรนั้นๆ โดยตรง
  3. เครื่องจักรในกระบวนการผลิต ได้แก่ สายพานลำเลียงวัสดุ เครื่องปั๊มโลหะ ปั้นจั่น ยกเคลื่อนย้าย เครื่องเป่า ฉีด หรือเครื่องจักรขึ้นรูปต่างๆ อันตรายมักเกิดจากการกระเด็น วัสดุมีคมบาดมือ เท้า ฉุดดึงมือหรือเสื้อผ้าเข้าไป

ทั้งนี้ เครื่องเซฟการ์ดที่ดีจะต้องได้รับการออกแบบถูกต้องตามมาตรฐาน สามารถป้องกันอันตรายจากการทำงานได้มากที่สุดตลอดจนไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน

อุปกรณ์ป้องกันการตก

ความเสี่ยงการตกจากที่สูง ไม่ว่าจะด้วยการซ่อมบำรุง การควบคุมเครื่องจักรขนาดใหญ่มักเป็นของคู่กันกับโรงงานอุตสาหกรรม แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วย 3 แนวทางนี้

  1. ป้องกันในสถานที่ทำงาน
    – มีการจัดระบบงานเพื่อจำกัดการทำงานบนที่สูง
    – ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการตกเพื่อลดความเสี่ยง เช่น นั่งร้าน ตาข่าย
    – ใช้อุปกรณ์ป้องกันการตกที่ตัวผู้ปฏิบัติงาน เมื่อไม่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการตกได้
  2. ป้องกันที่ตัวผู้ปฏิบัติงาน
    – การฝึกอบรมให้กับผู้ที่ต้องขึ้นไปปฏิบัติงานบนที่สูงให้ทราบถึงอันตราย และวิธีป้องกันตนเอง
  3. การป้องกันโดยใช้อุปกรณ์ป้องกัน
    – โดยการใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานในกรณีที่ไม่มีมาตรฐานให้ขอใบรับรองผลการทดสอบจากโรงงานผู้ผลิต
    – ไม่สร้างระบบการป้องกันการตกด้วยตนเอง

ป้องกันอันตรายจากเสียง

ตามกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง เสียง พ.ศ. 2549 กำหนดให้ระดับความดังของเสียงที่ควรได้รับติดต่อกันไม่เกิน 90 เดซิเบล ในระยะเวลาทำงานไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง ซึ่งหากดังเกินกำหนด 90 เดซิเบล ต้องลดระยะเวลาทำงานลง เพื่อป้องกันการสูญเสียระบบการได้ยินเสียง ทั้งนี้ โรงงานอุตสาหกรรมสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • ปรับปรุงแก้ไขเพื่อลดเสียงจากเครื่องจักร อุปกรณ์หรือแหล่งที่ทำให้เกิดเสียงดัง
  • สวมอุปกรณ์ป้องกันหูตลอดเวลาการทำงาน เช่น ที่อุดหู (Ear Plugs) จะสามารถลดเสียงที่มีความสูงที่จะเข้าถึงหูได้ถึง 25-30 เดซิเบล ขณะที่ที่ครอบหู (Ear Muff) สามารถลดเสียงลงได้ถึง 35-40 เดซิเบล
  • เผยแพร่ความรู้เพื่อให้พนักงานตระหนักถึงอันตรายของเสียงและประโยชน์ของการใช้อุปกรณ์ป้องกัน
  • ทดสอบสรรถภาพการได้ยินของพนักงานที่ต้องสัมผัสกับเสียงดังเป็นประจำ
  • ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อไม่ให้ระดับความดังของเสียงเกินมาตรฐานที่กำหนด

อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ

สถานประกอบกิจการที่มีคนทำงานเป็นจำนวนมาก โอกาสได้รับเชื้อโรคติดต่อทางเดินหายใจต่างๆ ที่ปนมากับเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ซึ่งแพร่สู่กันด้วยวิธีไอหรือจาม การสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อปนเปื้อนยิ่งสูง วิธีที่จะช่วยป้องกันทั้งการแพร่เชื้อและการติดเชื้อได้คือ การใช้หน้ากากอนามัยที่สามารถช่วยกรองเชื้อโรคออกได้ถึงร้อยละ 80 ทั้งยังช่วยป้องกันฝุ่นละอองที่ลอยอยู่ในอากาศไปในคราวเดียวกัน

หน้ากากอนามัยที่นิยมใช้ป้องกันการติดเชื้อทางเดินระบบหายใจ รวมถึงป้องกันอันตรายจากพิษของฝุ่นบางประเภท มี 2 แบบ คือ

  1. หน้ากากอนามัยแบบทั่วไป หน้ากากอนามัยประเภทนี้ค่อนข้างกระชับกับใบหน้า โดยแนบไปกับใบหน้า ซึ่งใช้ในวงการแพทย์เป็นส่วนใหญ่ และมักใช้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคผ่านทางการไอหรือจามได้
  2. หน้ากากอนามัยแบบ N95 เป็นหน้ากากอนามัยชนิดที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้ประสิทธิภาพในการป้องกันจะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เนื่องจากหน้ากากอนามัยชนิดนี้จะมีลักษณะครอบลงไปที่บริเวณหน้าปากและจมูกอย่างมิดชิด ทำให้เชื้อไวรัสหรือสารปนเปื้อนไม่สามารถลอดผ่านได้

ทุกที่ล้วนมีความไม่ปลอดภัยแฝงอยู่ เพราะฉะนั้นนอกจากการจัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ติดตั้งเครื่องป้องกันต่างๆ ภายในพื้นที่ทำงาน การมีสติตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดของผู้ปฏิบัติงานเองก็มีส่วนสำคัญอยู่ไม่น้อย