อันตรายจากสารเคมีในที่ทำงานควบคุมได้

อันตรายจากสารเคมีในที่ทำงานควบคุมได้

การประกอบกิจกรรมการผลิตในสถานประกอบการมักมีการทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีซึ่งอาจส่งผลกระทบเสียหายแก่สุขภาพของผู้ปฏิบัติงานได้ หากได้รับสารเคมีที่มีความเป็นอันตรายเข้าสู่ร่างการ การดำเนินงานเจ้าของกิจการหรือนายจ้าง รวมทั้งคนงานควรเอาใจใส่กับการป้องกันไม่ให้สารเคมีก่อผลเสียหายต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่กฎหมายได้กำหนดข้อปฏิบัติไว้แล้วด้วย

ข้อกำหนดตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม (สารเคมี) พ.ศ. 2520 กำหนดหน้าที่ของนายจ้างไว้ว่า ให้จัดการดูแลให้บรรยากาศในที่ทำงานมีปริมาณสารเคมีเจือปนได้ไม่เกินเกณฑ์ที่ประกาศไว้ เช่นห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในที่ที่มีปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศเกินกว่าที่กำหนด และถ้ามีปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีในบรรยากาศของการทำงานเกินกว่าที่กำหนดไว้กำหนด ให้นายจ้างดำเนินการลดความเข้มข้นของสารเคมี ถ้าแก้ไขไม่ได้ นายจ้างจะต้องจัดให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมี พ.ศ.2534 กำหนดหลักเกณฑ์การทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตรายที่นายจ้างต้องปฏิบัติ เช่น

  • การขนส่ง เก็บรักษา เคลื่อนย้าย และกำจัดหีบห่อ ภาชนะบรรจุ หรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตราย ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนด
  • จัดให้มีฉลากขนาดใหญ่พอสมควรปิดไว้ที่หีบห่อภาชนะบรรจุหรือวัสดุห่อหุ้มสารเคมีอันตรายทุกชิ้น ฉลากต้องมีรายละเอียดตามที่กำหนด
  • จัดทำรายงานความปลอดภัย และการประเมินการก่ออันตรายของสารเคมีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
  • จัดสถานที่ทำงานของลูกจ้างซึ่งเกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายให้มีสภาพและคุณลักษณะเหมาะสม เช่น มีการระบายอากาศที่ดี เป็นต้น
  • จัดชุดทำงานสำหรับลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
  • จัดให้มีที่ชำระล้างสารเคมีอันตราย เช่น ฝักบัว ที่ล้างตา ไว้ในบริเวณที่ลูกจ้างทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย รวมทั้งอ่างล้างหน้า ล้างตา ห้องอาบน้ำ
  • จัดให้มีการตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายในบรรยากาศบริเวณสถานที่ทำงานและสถานที่เก็บเป็นประจำ
  • จัดให้มีการอบรมลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย
  • จัดให้มีการตรวจสุขภาพลูกจ้างที่ทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย

โอกาสที่คนงานจะได้รับสารเคมีอันตราย

คนงานที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการต่างๆ อาจเกี่ยวข้องหรือมีโอกาสสัมผัสสารเคมีได้หลายลักษณะ เช่น ภาชนะบรรจุแตกหรือมีรอยรั่ว หรือมีการหกกระจาย ระหว่างการขนย้าย การเก็บ การถ่ายเถใส่ภาชนะใหม่ หรือการกำจัดทิ้ง หรือจากการเกิดควันหรือก๊าซพิษ หรือการระเบิด ระหว่างการเก็บในพื้นที่จำกัด บางครั้งอาจปะปนมากับฝุ่นละออง รวมทั้งจากการซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์เครื่องใช้ในการผลิตต่างๆ เป็นต้น สารเคมีที่คนงานอาจสัมผัสอาจอยู่ในลักษณะของเหลว ของแข็ง ฝุ่น ไอระเหย ควัน หรือก๊าซ

การประเมินความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี

การประเมินว่าคนงานมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือได้รับอันตรายจากสารเคมีอันตรายหรือไม่สามารถพิจารณาจากสิ่งต่อไปนี้

  • พิจารณาว่าสารที่เกี่ยวข้องมีความเป็นอันตรายหรือไม่ อย่างไร จากข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นอันตรายของสารเคมีที่ได้รับมา ได้แก่ จากเอกสารความปลอดภัยสารเคมี (MSDS) ฉลาก คู่มือ และเอกสารอื่นๆ
  • พิจารณาว่าในการใช้งานสารเคมีว่ามีการควบคุมไม่ให้เกิดอันตรายอย่างเพียงพอหรือไม่ จากผลการตรวจสอบกระบวนการผลิต เช่น มีการใช้สารเคมีตามข้อมูลที่ระบุมาในเอกสาร MSDS ที่ได้รับมาจากผู้ผลิตสารเคมี เป็นต้น
  • พิจารณาว่าคนงานมีโอกาสจะได้รับสารเคมีในระหว่างการทำงานหรือไม่ มากน้อยเท่าใด จากการเฝ้าระวังปริมาณสารเคมีในบรรยากาศ ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นที่คนงานสัมผัสสารเคมี
  • พิจารณาจากการติดตามเฝ้าระวังสุขภาพคนงานเพื่อให้ค้นพบผลกระทบของสารเคมีที่ทำให้สุขภาพเสื่อมเสียตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น

หลักในการควบคุมและเฝ้าระวังอันตรายจากสารเคมีในการทำงานข้างต้นได้รับการบรรจุไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมี พ.ศ. 2534 แล้ว หากเจ้าของกิจการและคนงานปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างครบถ้วน

การลดความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี

วิธีการควบคุมโดยรวมเพื่อลดความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมีที่ควรนำมาดำเนินการเรียงตามลำดับความสำคัญมีดังนี้

  • กำจัดหรือเคลื่อนย้ายสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากที่ทำงาน ได้แก่ ไม่ใช้สารเคมีหรือสิ่งของที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในโรงงาน
  • ใช้กระบวนการ อุปกรณ์หรือสารเคมีที่ปลอดภัยกว่าแทน
  • จัดให้มีพื้นที่สำหรับสารเคมีโดยเฉพาะแยกออกจากคนงาน โดยจัดพื้นที่เป็นระบบปิดสำหรับสารเคมี ย้ายคนงานหรือสิ่งกีดขวางต่างๆ ออก
  • ใช้การควบคุมทางวิศวกรรม เช่นการระบายก๊าซ เป็นต้น
  • ใช้มาตรการทางด้านบริหารจัดการ เช่น จำกัดเวลาทำงานของคนงานในบริเวณใกล้แหล่งที่มีอันตราย
  • ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่นแว่นตากันสารเคมีและเครื่องช่วยหายใจ

การใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลควรนำมาใช้ในกรณีที่ได้นำวิธีการที่ 1 – 5 มาใช้แล้ว แต่ยังคงมีความเสี่ยงต่ออันตรายสารเคมีอยู่ ไม่ใช่วิธีการที่นำมาใช้เป็นลำดับแรก

สารเคมีอันตรายที่ใช้และเกิดขึ้นในกระบวนการชุบโลหะด้วยไฟฟ้าประกอบด้วย

  • สารทำละลาย เช่น เมทิลีนคลอไรด์ ฟีนอล กรดคริซิริก
  • ก๊าซ เช่น ไฮโดรเจนไซยาไนด์
  • กรด เช่น กรดโครมิก กรดซัลฟุริก และกรดไฮโดรคลอริก
  • ด่าง เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์
  • ไซยาไนด์ เช่น โซเดียมไซยาไนด์ และโปตัสเซียมไซยาไนด์
  • โลหะหนัก เช่น นิกเกิล โครเมียม แคดเมียม และตะกั่ว
  • ของเสียอันตราย

คนงานที่สัมผัสสารเคมีเหล่านี้อาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ เช่น ในระยะสั้นอาจเกิดอาการระคายและแสบ คอ ปอด จมูก ดวงตาและผิวหนัง ส่วนในระยะยาวอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพเช่น โรคหืด หัวใจ ปอด และประสาท ทำงานผิดปกติ และในบางกรณีอาจเกิดมะเร็ง นอกจากผลต่อสุขภาพคนงานที่เกิดจาการได้รับสารเข้าสู่ร่างการแล้ว ก๊าซที่ระบายออกจากกระบวนการเช่น ก๊าซไฮโดรเจน ถ้าไม่จัดเก็บหรือระบายก๊าซให้ดีก็อาจเกิดการระเบิดได้ หรือพาสารเคมีอื่นปนออกมากลายเป็นหมอกพิษได้

โอกาสที่คนงานอาจได้รับอันตรายจากสารเคมี

คนงานในโรงชุบอาจสัมผัสสารเคมีได้จากเหตุการณ์หรือการกระทำดังต่อไปนี้

  • สารละลายในอ่างชุบกระเด็นใส่ในระหว่างเคลื่อนย้ายชิ้นงานลงหรือขึ้นจากอ่างชุบ
  • ไอหรือควันก๊าซที่ฟุ้งกระจายรุนแรงซึ่งเกิดในกรณีของกรด ด่าง หรือสารเคมีชนิดอื่น
  • ฝุ่นละอองที่หายใจเข้าไประหว่างการขัดและตัดแต่งชิ้นงาน
  • เมื่อการระบายอากาศบริเวณบ่อชุบไม่เพียงพอ
  • จากของเหลวหรือกากตะกอนที่ต้องเอาออกจากอ่างชุบ
  • จากการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอ่างชุบ
  • จากของเสียเคมีที่จัดการไม่ถูกวิธี

การลดความเสี่ยงอันตรายจากสารเคมี

นอกจากวิธีการลดความเสี่ยงที่เป็นมาตรฐานดังกล่าวข้างต้นแล้ว การควบคุมจัดการเฉพาะที่สำหรับโรงงานชุบเคลือบผิวมีรายละเอียดเพิ่มเช่น การควบคุมอันตรายที่บ่อชุบ บ่อล้าง สามารถกระทำได้โดยใช้สารที่มีความเป็นอันตรายน้อยกว่าแทน ใช้ปั๊มถ่ายสารละลายลงในบ่อชุบแทนการเทจากภาชนะ และต้องล้างปั๊มให้สะอาดก่อนใช้ปั๊มสารเคมีชนิดอื่น ติดตั้งเครื่องระบายอากาศบริเวณบ่อที่ปฏิบัติงานเพื่อระบายหมอกและไอสาร ใช้สารลดการเกิดก๊าซระหว่างการชุบ ดูแลไม่ให้มีสิ่งของตกหล่นลงในบ่อปฏิบัติงาน ซึ่งจะทำให้สารกระเด็นมาโดนผู้ปฏิบัติงานได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครน ตะขอเกี่ยว และลวดสลิงอยู่ในสภาพใช้งานได้ดี

นอกจากนี้มีข้อควรระวังในกรณีกรดและไซยาไนด์ หากสาร 2 ชนิดผสมกันจะเกิดระเบิดขึ้นได้ ดังนั้นต้องทำฉลากปิดภาชนะให้ชัดเจน จัดเก็บแยกห่างจากกันในที่ที่แห้ง และในกระบวนการชุบวัสดุที่จุ่มลงในบ่อกรดต้องล้างน้ำให้สะอาด ก่อนจุ่มลงในบ่อชุบซึ่งมีไซยาไนด์อยู่ รวมไปถึงการระบายสารละลายกรดและสารละลายไซยาไนด์ออกจากบ่อต้องมีระบบแยกจากกัน

ส่วนของเสียที่ออกจากสายการผลิตซึ่งส่วนใหญ่เป็นของเสียเคมี เช่น เกลือของโลหะต่างๆ กรด ด่าง และไซยาไนด์ หากไม่กำจัดให้ถูกต้องปลอดภัยก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคลากรในสถานประกอบการหรือต่อบุคคลอื่น ๆ ได้ ของเสียประเภทกรดและด่างต้องทำให้เป็นกลางก่อนกำจัด และของเสียที่มีโลหะปนเปื้อนอยู่ต้องตกตะกอนโลหะออกก่อนส่งไปบำบัดกำจัดต่อไป