7 อุปกรณ์เซฟตี้ที่ต้องใช้ เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน
ความปลอดภัยนั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของการทำงานในโรงงาน โรงประกอบ หรือแม้แต่การทำงานนอกสถานที่และงานที่ใช้อุปกรณ์เครื่องมือช่างหรือเครื่องจักร ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในเรื่องอุบัติเหตุที่มากับการทำงานได้ การสร้างมาตรฐานในเรื่องความปลอดภัยให้กับพนักงานที่สำคัญที่สุดก็คือ การมีอุปกรณ์เซฟตี้ หรืออุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ในการทำงาน
เหตุผลต้องใช้อุปกรณ์เซฟตี้ ?
เราลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทำไมจึงต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ไว้ใช้ในโรงงานหรือใช้ที่บ้านขณะใช้เครื่องมือช่าง โดยเหตุผลที่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์เซฟตี้ก็คือ
- เพื่อช่วยป้องกันอันตรายจากการใช้งานเครื่องจักรและเครื่องมือช่างบางประเภทที่อาจเกิดกระแสไฟฟ้ารั่ว หรืออาจเกิดอันตรายขึ้นจากความไม่ชำนาญของผู้ใช้ และเป็นการป้องกันสารเคมีและฝุ่นอันตราย การสวมใส่อุปกรณ์เซฟตี้ขณะทำงานด้วยเครื่องจักรหรือเครื่องมือช่าง จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอันตรายได้มากยิ่งขึ้น และช่วยลดความรุนแรงของอันตรายที่อาจเกิดขึ้นให้เบาลงอีกด้วย
- เนื่องจากอวัยวะต่างๆ ในร่างกายมีความเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็น มือ เท้า หู ตา หลัง หรือแม้แต่ทางเดินหายใจ อุปกรณ์เซฟตี้จะช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับอวัยวะต่างๆ จากการทำงาน หรือการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร
อุปกรณ์เซฟตี้ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำงาน
อุปกรณ์เซฟตี้ที่ต้องใช้ในการทำงานนั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน และแต่ละชนิดก็ล้วนมีความสำคัญมากทีเดียว ซึ่งเราได้รวบรวมอุปกรณ์เซฟตี้ ที่มีความสำคัญมาทั้งหมด 7 ชนิดด้วยกัน ลองไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละชนิดใช้เพื่อป้องกันร่างกายได้อย่างไร
รองเท้าเซฟตี้
รองเท้าเซฟตี้ ถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์เซฟตี้ที่มีความสำคัญไม่น้อยทีเดียว ทั้งการทำงานในโรงงาน คลังสินค้า หรืองานที่มีการใช้งานเครื่องมือช่าง เพราะช่วยป้องกันได้ครอบคลุมหลายประเภท แบ่งได้ตามลักษณะงาน ดังนี้
- รองเท้าเซฟตี้ ป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า เหมาะกับงานที่ต้องสัมผัสกับกระแสไฟฟ้า
- รองเท้าเซฟตี้ แบบหัวเหล็ก ใช้สำหรับป้องกันการโดนกระแทก ของหนักตกใส่เท้า หรือโดนเบียดจากรถโฟล์ลิฟต์ รวมถึงป้องกันการเหยียบตะปู หรือสิ่งของมีคมต่างๆ
- รองเท้าเซฟตี้ ป้องกันสารเคมี ใช้สำหรับงานที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับสารเคมี ทำจากวัสดุที่กัดกล่อนของสารเคมีได้ดี
ถุงมือ
สำหรับถุงมือเซฟตี้ มีหลายประเภทด้วยกันซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะที่จะใช้ในรูปแบบงานที่ต่างกัน โดยถุงมือเซฟตี้หลักๆ มีดังนี้
- ถุงมือกันความร้อน เหมาะสำหรับงานที่ต้องสัมผัสกับอุปกรณ์หรือภาชนะที่มีความร้อนสูง
- ถุงมือยางป้องกันสารเคมี เหมาะกับการใช้งานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารเคมีต่างๆ
- ถุงมือกันบาด เหมาะที่จะใช้กับการทำงานที่ต้องสัมผัสกับสิ่งของมีความแหลมและคม
- ถุงมือป้องกันไฟฟ้า ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อการทำงานมากทีเดียว เพราะถุงมือป้องกันไฟฟ้านั้นจะช่วยป้องการในขณะที่ต้องจับหรือสัมผัสอุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
หมวกนิรภัย
หมวกนิรภัยนั้นจำเป็นสำหรับการทำงานทั้งในโรงงานขนาดใหญ่และการทำงานด้านนอกโรงงานอย่างเช่นงานก่อสร้าง หรืองานซ่อมแซมตามบ้านเรือน โดยหมวกนิรภัยนั้นจะคอยช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดกับศีรษะจากการตกหล่นของอุปกรณ์หรือสิ่งของต่างๆ ที่สามารถตกใส่ศีรษะในระหว่างการทำงานได้
อุปกรณ์เซฟตี้ที่จะช่วยปกป้องดวงตาจากการทำงานไม่ว่าจะเป็นงานเชื่อม หรืองานที่ต้องเสี่ยงต่อสภาวะแสงรุนแรง งานที่เกิดฝุ่น และสารระเหยจากเคมีซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อดวงตา เช่น แว่นตาเซฟตี้ แว่นตางานเชื่อม และที่สำคัญควรเลือกแว่นตาเซฟตี้ที่มีมาตรฐานสากลรองรับ เช่น ANSI, CE ฯลฯ
ที่อุดหูและที่ครอบหู
ที่อุดหู หรือบางคนเรียกว่า ปลั๊กอุดหู และที่ครอบหูลดเสียง เป็นอุปกรณ์เซฟตี้ที่มีสำคัญต่อการปกป้องหูจากระดับเสียงที่สูงเกินมาตรฐานเสียงที่หูคนเราจะรับได้ ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อแก้วหู หรือเกิน 130 เดซิเบล (เอ) ซึ่งการทำงานในโรงงาน หรือการใช้อุปกรณ์เครื่องมือช่างหลายๆ ชนิดก่อให้เกิดเสียงดังเกิดค่ามาตรฐาน โดยที่อุดหูสามารถลดความดังของเสียงได้อย่างน้อย 15 เดซิเบล ส่วนที่ครอบหูสามารถลดระดับเสียงได้อย่างน้อย 25 เดซิเบล
หน้ากาก
อีกหนึ่งอุปกรณ์เซฟตี้ที่ขาดไม่ได้ คือหน้ากาก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ป้องกันเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เนื่องจากลักษณะงานหลายๆ งาน ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดอันตราย หรือสารระเหยที่เป็นพิษต่อร่างกาย การส่วมใส่หน้ากากขณะทำงานทุกครั้ง จะช่วยดักกรองฝุ่น ควัน สารเคมี และลดความเสี่ยงจากอันตรายต่อทางเดินหายใจได้
เข็มขัดพยุงหลัง
อุปกรณ์เซฟตี้อย่างสุดท้ายที่มีความจำเป็นต่อการใช้งานในโรงงาน หรืองานยกของหนัก เพราะเข็มขัดพยุงหลังนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการบาดเจ็บที่บริเวณหลังได้ โดยการเจ็บปวดที่บริเวณหลัง อาจจะมาจากการยกของหนักด้วยท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งหากไม่มีการป้องกันและทำงานในลักษณะเดิมซ้ำๆ อาจเกิดอันตรายที่รุนแรงและเรื้อรังกับแผ่นหลังได้
เห็นได้ว่าอุปกรณ์เซฟตี้เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำงานในหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะงานโลหะ งานคลังสินค้า งานที่ต้องสัมผัสกับไฟฟ้า หรือแม้แต่การทำงานเล็กๆ น้อยๆ ตามบ้านเรือน ซึ่งมีการใช้อุปกรณ์เครื่องมือช่าง อุปกรณ์เซฟตี้เหล่านี้ ถือเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงของอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงาน หรือความผิดพลาดของการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำงาน ฉะนั้นแล้วอุปกรณ์เซฟตี้จึงเป็นอุปกรณ์ในการทำงานที่ทุกโรงงานต้องมีและออกข้อกำหนดในการใช้งานที่ชัดเจนต่อพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานในโรงงาน รวมถึงคนที่ใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ตามบ้านอีกด้วย
ที่มาของข้อมูล : เว็บไซต์ออฟฟิศเมท